หลายคนอาจไม่รู้ว่าอาหารบางอย่างที่เรากินอยู่ทุกวัน กำลังทำร้ายผิวพรรณและเร่งให้ร่างกายเสื่อมโดยไม่รู้ตัว มาดูกันว่าตัวการเร่งแก่ที่เราควรเลี่ยงมีอะไรบ้าง
น้ำตาลและของหวาน เช่น ขนมเค้ก, คุกกี้, น้ำอัดลม, ชาไข่มุก
เมื่อร่างกายมีน้ำตาลมากเกินไปจากการทานอาหารหรือเครื่องดื่มเหล่านี้ จะทำให้เกิดกระบวนการที่เรียกว่า Glycation ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นลดลง และเกิดริ้วรอยได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้น้ำตาลยังส่งผลให้เกิดการอักเสบในร่างกาย ซึ่งเป็นอีกสาเหตุหนึ่งของความเสื่อมของเซลล์
อาหารปิ้งย่าง เช่น หมูกระทะ, เนื้อย่าง, บาร์บีคิว
อาหารปิ้งย่างที่ไหม้เกรียมหรือปรุงสุกด้วยความร้อนสูงมาก ๆ อาจมีสารก่อมะเร็ง ซึ่งเร่งกระบวนการเสื่อมของเซลล์ และทำให้ร่างกายแก่เร็วขึ้น
อาหารที่มีโซเดียมสูง เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป, อาหารกระป๋อง, ของหมักดอง
อาหารรสเค็มจัดหรือมีโซเดียมสูง ทำให้ร่างกายเกิดอาการบวมน้ำ รวมถึงส่งผลเสียต่อไต และหลอดเลือดในระยะยาว ซึ่งเป็นปัจจัยที่เร่งให้ร่างกายเสื่อมสภาพเร็วขึ้น นอกจากนี้โซเดียมที่มากเกินไปอาจทำให้ผิวขาดน้ำ และดูหมองคล้ำได้อีกด้วย
อาหารแปรรูป เช่น เบคอน, ไส้กรอก, แฮม, อาหารแช่แข็ง
อาหารเหล่านี้มักอุดมไปด้วยสารกันบูด สี และไขมันที่ไม่ดี ซึ่งอาจก่อให้เกิดการอักเสบในร่างกาย และเร่งกระบวนการเสื่อมของเซลล์ รวมถึงอาจส่งผลเสียต่อระบบย่อยอาหาร ทำให้ร่างกายทำงานหนักขึ้นในการกำจัดสารพิษ
อาหารทอดหรืออาหารที่มีไขมันทรานส์ เช่น เฟรนช์ฟราย, ไก่ทอด, โดนัท, ครีมเทียม
อาหารที่ผ่านการทอดในน้ำมันซ้ำ ๆ หรือมีไขมันทรานส์สูง จะทำให้เกิดอนุมูลอิสระในร่างกาย ซึ่งเป็นตัวการทำลายเซลล์ และเร่งความเสื่อมของร่างกาย และยังทำลายหลอดเลือด ส่งผลให้ผิวขาดความยืดหยุ่น รวมถึงเพิ่มความเสี่ยงของโรคหัวใจ และหลอดเลือดอีกด้วย
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากเป็นประจำจะทำให้ร่างกายขาดน้ำ และวิตามินที่จำเป็นต่อผิวพรรณ ทำให้ผิวแห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้น เกิดริ้วรอยได้ง่ายขึ้น และยังส่งผลเสียต่อตับ เมื่อตับทำงานได้ไม่เต็มที่ สารพิษก็จะสะสมในร่างกาย จนส่งผลให้ดูแก่ลงนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม แม้อาหารเหล่านี้จะมีส่วนเร่งให้ร่างกายเสื่อมเร็วขึ้น และแก่ก่อนวัย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องงดทั้งหมดแบบเด็ดขาด
เพียงแค่ลดปริมาณลง เลือกกินให้พอดี และหันมาเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้มากขึ้น ก็จะช่วยให้ร่างกายมีสุขภาพแข็งแรง ช่วยชะลอวัย และคงความอ่อนเยาว์ได้นานยิ่งขึ้นนั่นเอง

อ้างอิง : สำนักโภชนาการ กรมอนามัย, Mahidol Channel