โรคตับ ระวังให้มากก่อนยากจะเยียวยา
ตับเป็นอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญมากในร่างกาย แม้ว่าตับสามารถซ่อมแซมตัวเองได้ แต่ถ้าเราทำร้ายตับเป็นระยะเวลานาน จะทำให้ตับทำงานบกพร่อง ส่งผลเสียต่อสุขภาพของเรา ดังนี้
ไขมันพอกตับ
ภาวะที่ร่างกายไม่สามารถนำไขมันที่เรารับประทานไปใช้ได้หมด ทำให้เกิดการสะสมอยู่ที่ตับ ส่งผลให้เกิดอาการอักเสบและพังผืดภายในตับ
ไวรัสตับอักเสบ
เมื่อตับได้รับเชื้อไวรัส ก็จะเกิดภาวะตับอักเสบ ส่งผลให้ตับทำงานผิดปกติ มีอาการตับบวมโต ร่างกายอ่อนเพลีย ซึ่งไวรัสตับอักเสบมีหลายสายพันธุ์ ได้แก่ ไวรัสตับอักเสบเอ บี ซี ดี และอี
ตับแข็ง
ภาวะที่ตับเกิดการอักเสบได้รับความเสียหายและเกิดแผลเป็นอย่างถาวร มีลักษณะเฉพาะคือ การมีเนื้อเยื่อพังผืดเกิดขึ้นในเนื้อตับ ทำให้ตับไม่สามารถทำงานได้เป็นปกติ และอาจหยุดการทำงานลงจนนำไปสู่ภาวะตับวายเฉียบพลัน
มะเร็งตับ
เซลล์บริเวณตับเกิดการแบ่งตัว เพิ่มจำนวนอย่างผิดปกติ ซึ่งมักเกิดจากการที่ตับอักเสบพัฒนาไปเป็นตับแข็ง และเซลล์ตับแข็งพัฒนาเป็นเซลล์มะเร็งตับในที่สุด
ดังนั้น หากเราใช้ตับทำงานหนักเกินไป ตับที่เคยแข็งแรงก็จะเสื่อมสภาพลง นำไปสู่โรคร้ายแรงต่าง ๆ โดยวิธีดูแลรักษาตับให้แข็งแรง ทุกคนสามารถทำได้ง่าย ๆ ตามนี้
1. หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ เพราะหน้าที่ของตับคือกรองสารพิษอย่างแอลกอฮอล์ออกจากเลือด ถ้าดื่มในปริมาณมากเกินไป จะทำให้ตับต้องทำงานหนักเพิ่มขึ้น
2. งดกินของหมักดอง ถั่วป่น พริกป่น เพราะอาจเสี่ยงต่อการเกิดเชื้อโรคปนเปื้อน
3. รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพื่อให้ร่างกายได้รับพลังงานเพียงพอทุกวัน พร้อมทั้งหลีกเลี่ยงอาหารมัน หวานจัด หรือเค็มจัด
4. ออกกำลังกายให้เป็นกิจวัตร อย่างน้อยประมาณ 30 นาทีต่อวัน สัปดาห์ละ 3 วัน เพื่อให้ร่างกายนำพลังงานส่วนที่เก็บสะสมไว้ไปใช้
5. ไม่นอนดึกหรือนอนหลัง 4 ทุ่ม เพราะช่วงเวลา 4 ทุ่ม – ตี 2 เป็นช่วงเวลาที่ร่างกายได้พักผ่อนและตับฟื้นฟูตัวเองจากการทำงานหนักมาทั้งวัน
6. ตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ โดยทั่วไปแนะนำให้ผู้ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป ตรวจสุขภาพปีละ 1 ครั้ง เพื่อเช็กระบบการทำงานต่าง ๆ ของร่างกายว่ายังเป็นปกติไหม