แบบองค์รวม

อัมพฤกษ์ อัมพาต ต่างกันอย่างไร ?

อัมพฤกษ์ อัมพาต ต่างกันอย่างไร ?

เป็นอัมพฤกษ์ หรือเป็นอัมพาต ต่างกันยังไง ?! ทั้งสองก็มีความหมายเหมือนกัน แต่ทำไมต้องแยก ? หลายคนอาจเชื่อว่าทั้งสองมีความหมายที่เหมือนกัน หรือแม้แต่เชื่อว่ามันคือภาวะเดียวกัน แต่เปล่าเลย! ต้องบอกก่อนว่าทั้งสองเป็นภาวะผิดปกติในกลุ่มเดียวกัน ซึ่งจะมีลักษณะของสาเหตุการเกิดที่คล้ายกัน  แต่สิ่งที่ไม่เหมือนกันคือความหมายของทั้งสองภาวะ!!  สำหรับอัมพฤกษ์และอัมพาต เป็นภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรงอีกประเภทหนึ่ง โดยทั้งสองภาวะมีสาเหตุเกิดขึ้นได้ง่ายกว่าที่คิด และเหมือนกันเป็นอย่างมาก เช่น การเกิดอุบัติเหตุบริเวณศีรษะหรือมีระบบไหลเวียนของเลือดไม่ดีพอ ทำให้เสี่ยงเกิดภาวะอัมพฤกษ์และอัมพาตได้นั่นเอง อัมพฤกษ์และอัมพาต เกิดจากอะไร ? อัมพฤกษ์ อัมพาต เกิดจากความผิดปกติ หรือเกิดจากความเสียหายที่เกิดขึ้นกับสมองและเส้นประสาท โดยอาจมีความเกี่ยวข้องกับภาวะอื่น ๆ ได้ เช่น  ซึ่งทำให้กล้ามเนื้อส่วนนั้น ๆ  หยุดทำงานชั่วคราว ในบางกรณีอาจหยุดทำงานถาวร โดยอัมพฤกษ์และอัมพาตเป็นโรคในกลุ่มเดียวกัน  อัมพฤกษ์และอัมพาต ต่างกันยังไง ? อัมพฤกษ์และอัมพาตแตกต่างกันที่ แรงในการเคลื่อนไหวร่างกาย โดยอัมพฤกษ์จะยังสามารถขยับแขน ขา หรือส่วนที่ได้รับผลกระทบได้อยู่ และจะรู้สึกชาบ้างเป็นบางครั้ง   ในทางตรงกันข้าม อัมพาตคือภาวะที่ไม่สามารถขยับ หรือเคลื่อนไหวแขน ขาที่ได้รับผลกระทบได้เลย และจะไม่รับรู้ความรู้สึกในส่วนนั้น ๆ โดยสมบูรณ์     ระดับความรุนแรงที่แตกต่างกันของการสูญเสียการทำงานของกล้ามเนื้อ จะบอกได้ว่าเส้นประสาทหรือความรุนแรงที่เกิดกับเส้นประสาทอยู่ในระดับไหน โดยผู้ที่เป็นอัมพฤกษ์จะมีความเสียหายหรือผลกระทบจากภาวะที่กล่าวไปได้น้อยกว่า […]

อัมพฤกษ์ อัมพาต ต่างกันอย่างไร ? Read More »

อัมพฤกษ์ อัมพาต รู้ทัน ป้องกันได้

อัมพฤกษ์ อัมพาต รู้ทัน ป้องกันได้

เจ็บจี๊ดไปทั่วร่าง เพราะเหน็บชา! หรือรู้สึกเจ็บเหมือนเข็มแทง บริเวณแขนบ้าง ขาบ้าง บางทีก็เป็นถึงครึ่งหนึ่งของร่างกายเลย! แต่รู้ไหมว่านี่อาจเป็นสัญญาณเตือนของอัมพฤกษ์ อัมพาตก็ได้… อัมพฤกษ์และอัมพาต เกิดจากอะไร ? อัมพฤกษ์ อัมพาต เป็นภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรงอีกประเภทหนึ่ง ที่ส่วนใหญ่มักเกิดจากภาวะที่เกี่ยวกับหลอดเลือด หรือระบบประสาทและสมอง เช่น หลอดเลือดตีบ อุดตัน หรือผลกระทบจากโรคหลอดเลือดสมอง (STROKE) ซึ่งทำให้เลือดไม่สามารถไปเลี้ยงสมอง เส้นประสาทหรือแม้แต่กล้ามเนื้อได้ หรือเกิดได้จากโรคที่เกี่ยวกับระบบประสาทและสมองโดยตรง จึงทำให้กล้ามเนื้อหยุดทำงานชั่วคราว โดยทั้งอัมพฤกษ์ อัมพาตเป็นโรคในกลุ่มเดียวกัน   อัมพฤกษ์และอัมพาต เหมือนกันไหม ? ทั้งสองอาการจะมีลักษณะร่วมที่คล้ายกัน และแตกต่างกันในบางจุด ซึ่งสามารถแยกอาการของอัมพฤกษ์ และอัมพาตได้ดังนี้ อัมพฤกษ์ (Paresis) อัมพาต (Paralysis) เกิดจากการทำงานผิดปกติของเส้นประสาทบางส่วน เช่น การมีหลอดเลือดตีบ ทำให้เลือดไหลเวียนได้ไม่ดี ส่งผลให้เส้นประสาททำงานติดขัด เกิดจากความเสียหายของเส้นประสาทและสมอง เช่น ความผิดปกติที่ไขสันหลัง หรือการกระทบกระแทกของศีรษะ ขยับได้เพียงเล็กน้อย ร่างกายอ่อนแรง กล้ามเนื้อไม่สามารถขยับได้เลย รู้สึกชา และเจ็บเหมือนถูกเข็มแทง ไม่รู้สึกในส่วนนั้น ๆ มักเกิดเฉพาะบางส่วน

อัมพฤกษ์ อัมพาต รู้ทัน ป้องกันได้ Read More »

MPLSEO M4 Post 12

สัญญาณเตือน…อาการเริ่มต้นของโรคตับ! มีอะไรบ้าง ?

อาการเริ่มต้นของโรคตับ! ‘ตับ’ หนึ่งในอวัยวะที่สำคัญมากที่สุดในร่างกาย เพราะมีการทำงานที่หลากหลาย และเป็นส่วนที่เกี่ยวโยงทุกส่วนในร่างกายไว้ที่นี้ เช่น ลำเลียงเลือด ฟอกสารพิษที่เข้าสู่ร่างกาย หรือการทำงานของฮอร์โมนเองก็ดี ทั้งหมดนี้จึงเป็นเหตุผลง่าย ๆ ที่ต้องดูแลสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องดูแล ตับ! และเมื่อตับทำงานผิดปกติ ร่างกายก็จะสามารถตอบสนองอาการเหล่านั้นได้แทบจะทันที เราจึงควรสังเกตให้เป็นว่ามีความผิดปกติอะไรเกิดขึ้นในร่างกายเราไหม แต่เราจะรู้ได้ยังไงว่าตับเราเริ่มทำงานผิดปกติ หรือมีความเสี่ยงที่จะทำให้เป็นโรคตับแล้ว… โดย โรคตับ หรือภาวะที่ตับทำงานผิดปกติ จะถูกแบ่งเป็นหลายชนิด และโรคตับแต่ละชนิดก็มีสาเหตุที่ต่างกันไป เช่น การเลือกทานอาหาร ระบบไหลเวียนเลือดผิดปกติ (เช่น เลือดจาง) หรือการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป ซึ่งจะนำไปสู่โรคและความเสี่ยงที่อาจเกิดต่อตับได้นั่นเอง โรคตับ มีแบบไหนบ้าง ? และยังมีอีกหลายโรคที่มีอาการของตับทำงานผิดปกติ และกระทบต่อสุขภาพโดยรวมของเราโดยตรง โดยทุกคนสามารถสังเกตอาการเริ่มต้นของโรคตับได้ง่าย ๆ และมาดูกันว่าเราเสี่ยงเป็นโรคตับหรือยัง ?! อาการเริ่มต้นของโรคตับ ทางร่างกาย ทางความรู้สึก หรือการใช้ชีวิต เสี่ยงเป็น ‘โรคตับ’ ควรเลี่ยงอะไรบ้าง ? ผู้ที่เสี่ยงเป็นโรคตับทุกแบบหรือผู้ที่เป็นโรคตับแล้วมักมีสาเหตุมาจากนิสัยการทานอาหารบางประเภทมากเกินไป และแน่นอนว่าการได้รับอะไรมากเกินไปมักส่งผลต่อสุขภาพเสมอ  ทางที่ดีควรเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ รวมถึงการลดหรือเลี่ยงการทานอาหารประเภทนั้น ๆ ลงสักหน่อย จะทำให้ตับทำงานได้ดีขึ้น

สัญญาณเตือน…อาการเริ่มต้นของโรคตับ! มีอะไรบ้าง ? Read More »

มีเสมหะในคอหลังตื่นนอน เกิดจากอะไร ?!

มีเสมหะในคอหลังตื่นนอน เกิดจากอะไร ?!

ปัญหากวนใจทำยังไงก็ไม่หาย! มีเสมหะในคอหลังตื่นนอน เกิดจากอะไร ? แล้วผิดปกติไหม ? มีความเสี่ยงที่จะป่วยเป็นอะไรร้ายแรงหรือเปล่า ?! ในบทความนี้มีคำตอบ พร้อมวิธีแก้เสมหะในคอมาให้อ่านกันแล้ว!  การมีเสมหะในคอหลังตื่นนอนเป็นปัญหาที่มักเกิดขึ้นได้ทั่วไป แต่ถ้าถามว่าเป็นเรื่องผิดปกติหรือไม่ คำตอบคือ ไม่ค่ะ หากทุกท่านมีอาการดังกล่าวแต่ดีขึ้นหลังแก้ไขอาการเบื้องต้นไปแล้ว เช่น ดื่มน้ำ หรือขับเสมหะออก ส่วนใหญ่อาการที่หายได้เองแบบนี้มักเกิดจากสาเหตุเล็กน้อย และไม่ส่งผลต่อร่างกาย ทั้งนี้ความผิดปกติของอาการมีเสมหะหลังตื่นนอน จะขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่เกิด เช่น มีเสมหะในคอหลังตื่นนอนทุกวัน และมีลักษณะของเสมหะที่ผิดปกติไป เช่น สี และความเหนียวข้น ซึ่งเป็นตัวบ่งบอกหลักว่ามีความผิดปกติเกิดในร่างกายหรือไม่นั่นเอง สีของเสมหะบอกสุขภาพแบบไหนในตัวคุณ! ลองอ่านบทความนี้ ‘เสมหะ สัญญาณโรคร้ายที่ซ่อนอยู่ในตัวคุณ’    มีเสมหะในคอหลังตื่นนอน เกิดจากอะไร ? เกิดได้จากหลายสาเหตุตั้งแต่แบบที่ไม่รุนแรง ถึงแบบที่เกิดจากปัญหาสุขภาพภายในที่คาดไม่ถึง โดยทั่วไปแล้วอาการมีเสมหะในคอหลังตื่นนอนมักเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น สาเหตุของเสมหะในคอหลังตื่นนอน! โดยร่างกายจะถูกกระตุ้นด้วยสาเหตุเหล่านี้ และทำให้เกิดเสมหะ และหากมีเสมหะมากเกินไป เสมหะจะจับตัวเป็นก้อนเหนียว และส่งผลให้ระคายเคืองในคอได้นั่นเอง มีเสมหะในคอหลังตื่นนอน ผิดปกติหรือไม่ ? ใครที่ตื่นมาแล้วรู้สึกระคายเคืองในคอ หรือมีเสมหะ โดยที่ก่อนหน้านี้ไม่มีความผิดปกติอะไร อาจไม่ใช่ความผิดปกติที่ร้ายแรง ซึ่งจะมีอาการหลังตื่นนอน และหายไปเองเมื่อทุกคนแก้ไขอาการเบื้องต้น

มีเสมหะในคอหลังตื่นนอน เกิดจากอะไร ?! Read More »

กินน้ำปลาเยอะ เสี่ยงโรคอะไรบ้าง? อันตรายจากโซเดียมที่คุณควรรู้

กินน้ำปลาเยอะ เสี่ยงโรคอะไรบ้าง? อันตรายจากโซเดียมที่คุณควรรู้

หลายคนอาจคิดว่า “แค่น้ำปลานิด ซุปก้อนหน่อย คงไม่เป็นไร” แต่รู้ไหมว่า…โซเดียมที่มากเกินไปในแต่ละวัน อาจเป็นจุดเริ่มต้นของภัยเงียบแบบไม่รู้ตัว! ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า โซเดียม ไม่ใช่แค่เกลือ แต่แฝงอยู่ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็น น้ำปลา, ซีอิ๊ว, ซอสปรุงรส, ผงชูรส, ผงปรุงรส รวมถึงอาหารแปรรูป, ไส้กรอก, บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ดังนั้นการได้รับโซเดียมที่มากเกินไป เป็นประจำสามารถส่งผลต่อร่างกายได้มากกว่าที่คิด มาดูกันว่า หากร่างกายได้รับโซเดียมมากเกินไปเป็นประจำ จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเราได้อย่างไรบ้าง โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) – ความดันโลหิตที่สูงจากโซเดียมจะสร้างความเสียหายต่อผนังหลอดเลือดในสมอง ทำให้เพิ่มความเสี่ยงที่หลอดเลือดจะอุดตันหรือแตก โรคหัวใจ (Heart Disease) – ความดันโลหิตสูงทำให้หัวใจต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อสูบฉีดเลือดไปทั่วร่างกาย และโซเดียมทำให้หลอดเลือดแข็งและตีบ เมื่อหัวใจต้องทำงานหนักขึ้นในขณะที่หลอดเลือดแคบลง ก็จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจขาดเลือดและนำไปสู่ภาวะหัวใจล้มเหลวได้ โรคความดันโลหิตสูง (Hypertension) – โซเดียมทำให้ร่างกายกักเก็บน้ำไว้ในหลอดเลือดมากขึ้น และปริมาณเลือดที่เพิ่มขึ้นนี้ส่งผลโดยตรงให้ความดันโลหิตสูงขึ้น โรคไต (Kidney Disease) – การทานอาหารที่มีโซเดียมสูงเป็นประจำ ทำให้ไตต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อขับส่วนเกินออก การทำงานหนักอย่างต่อเนื่องจะทำให้ไตเสื่อมสภาพเร็วขึ้น และอาจนำไปสู่ภาวะไตวายได้ โรคกระดูกพรุน (Osteoporosis) – เมื่อร่างกายขับโซเดียมส่วนเกินออกทางปัสสาวะ จะมีการขับแคลเซียมออกจากร่างกายเพิ่มขึ้นด้วย

กินน้ำปลาเยอะ เสี่ยงโรคอะไรบ้าง? อันตรายจากโซเดียมที่คุณควรรู้ Read More »

ผื่นแดงแสบ ๆ คัน ๆ อาจไม่ใช่แค่ผื่นธรรมดา... ระวัง! อาจเป็นงูสวัด

ผื่นแดงแสบ ๆ คัน ๆ อาจไม่ใช่แค่ผื่นธรรมดา… ระวัง! อาจเป็นงูสวัด

หลายคนอาจเคยได้ยินชื่อ “งูสวัด” ว่าเป็นโรคทางผิวหนังอย่างหนึ่งที่มีตุ่มใสขึ้นตามตัว แต่ในความเป็นจริงแล้ว โรคงูสวัดไม่ใช่แค่โรคผิวหนังธรรมดา แต่เป็นโรคที่อันตรายอย่างหนึ่งที่อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ หากไม่มีการดูแลรักษาอย่างเหมาะสม งูสวัด (Herpes zoster) เกิดจากเชื้อไวรัสวาริเซลลา (Varicella-zoster virus) ซึ่งเป็นเชื้อตัวเดียวกับที่ทำให้เกิดโรคอีสุกอีใส และเชื้อจะแฝงตัวอยู่ในปมประสาทของร่างกาย เมื่อร่างกายอ่อนแอ ภูมิคุ้มกันต่ำ เชื้อไวรัสนี้ก็จะถูกกระตุ้นขึ้นมาใหม่ เดินทางมาตามแนวเส้นประสาท และแสดงอาการออกมาเป็นผื่น และตุ่มน้ำตามแนวเส้นประสาท อาการของโรคงูสวัดจะแบ่งออกเป็น 3 ระยะ หากไม่มีการดูแลอย่างถูกต้อง และเหมาะสม งูสวัดอาจลุกลาม และเพิ่มความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้ เช่น ภาวะปวดปลายประสาทเรื้อรัง – เป็นหนึ่งในภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อยที่สุด มีอาการปวดแสบ ปวดร้อน คล้ายถูกไฟช็อตตามแนวที่เคยเป็นงูสวัด แม้ผื่นจะหายไปหมดแล้วก็ตาม อาการปวดนี้อาจอยู่ได้นานหลายเดือนหรือเป็นปี จนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันได้ งูสวัดขึ้นตา – เกิดขึ้นเมื่อเชื้อไวรัสทำลายเส้นประสาทสมอง และลามเข้าสู่ดวงตา อาจทำให้เกิดการอักเสบและเสียหายที่กระจกตา ม่านตา จอประสาทตาหรือส่วนอื่น ๆ ของตา ซึ่งอาจส่งผลต่อการมองเห็นในระยะยาว หากไม่รีบรักษา โรคหลอดเลือดในสมอง – อาจเกิดจากการที่เชื้อไวรัสไปทำให้เกิดการอักเสบของผนังหลอดเลือดในสมอง นำไปสู่การตีบตันหรืออุดตันของหลอดเลือด จนเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะหลอดเลือดสมองแตกหรือขาดเลือดเฉียบพลันได้ อัมพฤกษ์

ผื่นแดงแสบ ๆ คัน ๆ อาจไม่ใช่แค่ผื่นธรรมดา… ระวัง! อาจเป็นงูสวัด Read More »

MPLM80 Post 08 1200x628px

เมื่อการสำลักอาหาร…อันตรายกว่าที่คิดในผู้สูงวัย

การสำลักอาหาร อาจเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับคนทั่วไป ที่เกิดขึ้นแล้วหายไปในเวลาไม่นาน แต่ในผู้สูงวัย การสำลักอาหารนั้น อันตรายกว่าที่คิดมาก และอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยทีเดียว ทำไมผู้สูงวัยถึงเสี่ยงสำลักอาหาร ผู้สูงวัยมีความเสี่ยงสำลักอาหารมากกว่าคนทั่วไป เนื่องจากเมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายจะมีการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลโดยตรงต่อการกลืน ไม่ว่าจะเป็น สำลักอาหารแบบไหนที่ควรมาพบแพทย์ อันตรายจากการสำลักอาหาร ปอดอักเสบจากการสำลัก เป็นอันตรายที่พบบ่อย และรุนแรงที่สุด เกิดจากเศษอาหาร น้ำ หรือแม้แต่น้ำลายและเสมหะในช่องปากหลุดเข้าไปในหลอดลมและปอดแทนที่จะลงหลอดอาหาร ทำให้เกิดการติดเชื้อ และอักเสบอย่างรุนแรงในปอด ภาวะอุดกั้นทางเดินหายใจ หากสำลักอาหารชิ้นใหญ่ อาจทำให้หลอดลมถูกปิดกั้นอย่างฉับพลัน ทำให้หายใจไม่ออก ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน วิธีป้องกัน และลดความเสี่ยงการสำลักอาหาร การสำลักอาหารในผู้สูงวัยไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยที่ควรมองข้าม การใส่ใจดูแล และป้องกันอย่างถูกวิธี จะช่วยลดความเสี่ยง รวมถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ เพื่อให้ผู้สูงวัยมีคุณภาพชีวิตที่ดี และปลอดภัยยิ่งขึ้น อ้างอิง : โรงพยาบาลสมิติเวช, โรงพยาบาลธนบุรี, โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย

เมื่อการสำลักอาหาร…อันตรายกว่าที่คิดในผู้สูงวัย Read More »

มาทำความรู้จัก 'โรคแอนแทรกซ์' ภัยเงียบจากสัตว์สู่คน ที่หลายคนสงสัยว่า... มันอันตรายแค่ไหนกัน ?

มาทำความรู้จัก ‘โรคแอนแทรกซ์’ ภัยเงียบจากสัตว์สู่คน

โรคแอนแทรกซ์ (Anthrax) หรืออาจเป็นที่รู้จักในชื่อโรคกาลี เป็นโรคระบาดโรคหนึ่งในพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2499 ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Bacillus anthracis ซึ่งสามารถพบสปอร์ของเชื้อได้ทั่วไปในธรรมชาติ เช่น ในดิน หญ้า หรือแหล่งน้ำ จึงมักติดต่อสู่สัตว์ที่กินหญ้าเป็นอาหาร เช่น วัว กระบือ แพะ แกะ นอกจากนี้ เชื้อแอนแทรกซ์ยังมีความทนทานต่อความร้อน และความเย็นได้ดี มีระยะฝักตัว 1 – 7 วัน หรืออาจนานถึง 60 วัน สามารถแพร่กระจายสู่สัตว์ชนิดอื่นหรือคนได้ โดยการติดต่อสู่คน จะสามารถติดต่อได้ 3 ทาง อาการของโรค ป้องกันได้อย่างไร แม้ว่าโรคแอนแทรกซ์ ไม่สามารถติดต่อโดยตรงจากคนสู่คนได้ เหมือนไข้หวัด การสัมผัสผู้ป่วยในชีวิตประจำวัน เช่น การพูดคุย จับมือ จึงไม่ทำให้ติดโรค แต่อย่างไรก็ตาม หากได้รับเชื้อแล้วไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง และทันท่วงที โรคนี้ก็อาจมีอาการรุนแรงจนเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้เช่นกัน ด้วยความปรารถนาดีจากแบแป๊ะเลี้ยง แหล่งที่มา : สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.),

มาทำความรู้จัก ‘โรคแอนแทรกซ์’ ภัยเงียบจากสัตว์สู่คน Read More »

เคยสังเกตกันหรือไม่ว่า สีลิ้นของเรามักเปลี่ยนไปตามสุขภาพร่างกาย

เคยสังเกตกันหรือไม่ว่า สีลิ้นของเรามักเปลี่ยนไปตามสุขภาพร่างกาย

ตามศาสตร์แพทย์แผนจีน ลิ้นเปรียบเสมือนหน้าต่างที่สะท้อนสุขภาพภายในของเรา การวินิจฉัยจากลิ้น จึงเป็นหนึ่งในวิธีที่แพทย์แผนจีนใช้ประเมินความสมดุลของ ชี่ (พลังงาน) เลือด และอวัยวะต่าง ๆ มาดูกันว่า สีลิ้น แบบต่าง ๆ บ่งบอกอะไรได้บ้าง ลิ้นสีแดงอมชมพู ลิ้นสีขาวซีด ลิ้นสีแดง ลิ้นสีแดงเข้ม ลิ้นสีคล้ำอมม่วง อย่างไรก็ตาม การดูสีของลิ้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการวินิจฉัยเท่านั้น เพราะตามศาสตร์แพทย์แผนจีน ยังต้องพิจารณาลักษณะอื่น ๆ เช่น รูปร่าง, ฝ้าบนลิ้น, ลักษณะของลิ้น เพิ่มเติมด้วยนั่นเอง ด้วยความปรารถนาดีจากแบแป๊ะเลี้ยง แหล่งที่มา : สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.), คลินิกการแพทย์แผนจีนหัวเฉียว,

เคยสังเกตกันหรือไม่ว่า สีลิ้นของเรามักเปลี่ยนไปตามสุขภาพร่างกาย Read More »

เช็กเลย! นอนเท่าไหร่ถึงพอกับวัยของคุณ

เช็กเลย! นอนเท่าไหร่ถึงพอกับวัยของคุณ

การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอเป็นสิ่งสำคัญต่อสุขภาพกายและใจของเราทุกคน แต่รู้หรือไม่ว่า “เพียงพอ” ในแต่ละช่วงวัยนั้นแตกต่างกันไป ? ชั่วโมงการนอนหลับที่เพียงพอของแต่ละวัย การนอนหลับไม่เพียงพออาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพทั้งในระยะสั้น และระยะยาวได้ เช่น เคล็ดลับการนอนให้เพียงพอ และมีประสิทธิภาพ นอกจากการนอนให้เพียงพอตามช่วงวัย คุณภาพการนอน และเวลาที่เข้านอน ก็ส่งผลต่อสุขภาพไม่แพ้กัน ดังนั้น การนอนที่มีคุณภาพ ไม่ใช่แค่ปริมาณ แต่รวมถึงช่วงเวลานอน และสภาวะแวดล้อมที่เหมาะสมด้วยนั่นเอง แหล่งที่มา : โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์, อนามัยมีเดีย, หนังสือ นอนถูกวิธี สุขภาพดีตลอดชีวิต,

เช็กเลย! นอนเท่าไหร่ถึงพอกับวัยของคุณ Read More »

Scroll to Top