กินน้ำปลาเยอะ เสี่ยงโรคอะไรบ้าง? อันตรายจากโซเดียมที่คุณควรรู้

กินน้ำปลาเยอะ เสี่ยงโรคอะไรบ้าง? อันตรายจากโซเดียมที่คุณควรรู้

หลายคนอาจคิดว่า “แค่น้ำปลานิด ซุปก้อนหน่อย คงไม่เป็นไร” แต่รู้ไหมว่า…โซเดียมที่มากเกินไปในแต่ละวัน อาจเป็นจุดเริ่มต้นของภัยเงียบแบบไม่รู้ตัว!

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า โซเดียม ไม่ใช่แค่เกลือ แต่แฝงอยู่ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็น น้ำปลา, ซีอิ๊ว, ซอสปรุงรส, ผงชูรส, ผงปรุงรส รวมถึงอาหารแปรรูป, ไส้กรอก, บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ดังนั้นการได้รับโซเดียมที่มากเกินไป เป็นประจำสามารถส่งผลต่อร่างกายได้มากกว่าที่คิด มาดูกันว่า หากร่างกายได้รับโซเดียมมากเกินไปเป็นประจำ จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเราได้อย่างไรบ้าง

โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) – ความดันโลหิตที่สูงจากโซเดียมจะสร้างความเสียหายต่อผนังหลอดเลือดในสมอง ทำให้เพิ่มความเสี่ยงที่หลอดเลือดจะอุดตันหรือแตก

โรคหัวใจ (Heart Disease) – ความดันโลหิตสูงทำให้หัวใจต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อสูบฉีดเลือดไปทั่วร่างกาย และโซเดียมทำให้หลอดเลือดแข็งและตีบ เมื่อหัวใจต้องทำงานหนักขึ้นในขณะที่หลอดเลือดแคบลง ก็จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจขาดเลือดและนำไปสู่ภาวะหัวใจล้มเหลวได้

โรคความดันโลหิตสูง (Hypertension) – โซเดียมทำให้ร่างกายกักเก็บน้ำไว้ในหลอดเลือดมากขึ้น และปริมาณเลือดที่เพิ่มขึ้นนี้ส่งผลโดยตรงให้ความดันโลหิตสูงขึ้น

โรคไต (Kidney Disease) – การทานอาหารที่มีโซเดียมสูงเป็นประจำ ทำให้ไตต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อขับส่วนเกินออก การทำงานหนักอย่างต่อเนื่องจะทำให้ไตเสื่อมสภาพเร็วขึ้น และอาจนำไปสู่ภาวะไตวายได้

โรคกระดูกพรุน (Osteoporosis) – เมื่อร่างกายขับโซเดียมส่วนเกินออกทางปัสสาวะ จะมีการขับแคลเซียมออกจากร่างกายเพิ่มขึ้นด้วย ส่งผลให้มวลกระดูกลดลงและกระดูกเปราะบางและแตกหักได้ง่ายขึ้น

โรคมะเร็งกระเพาะอาหาร (Stomach Cancer) – มีงานวิจัยชี้ว่าการทานอาหารที่มีโซเดียมสูงเป็นประจำ โดยเฉพาะจากอาหารแปรรูปและของหมักดอง จะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหาร

อาการบวมน้ำ (Edema) – เกิดขึ้นเมื่อร่างกายได้รับโซเดียมมากเกินไป จนไม่สามารถขับโซเดียมและน้ำออกได้ทัน ทำให้เกิดการสะสมของน้ำตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย

องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำว่าร่างกายไม่ควรได้รับโซเดียมเกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน (เทียบเท่าเกลือประมาณ 1 ช้อนชา)

เริ่มต้นใหม่วันนี้! ลดเค็มเพื่อสุขภาพที่ดีกว่า
การลดเค็มไม่ใช่เรื่องยาก และไม่จำเป็นต้องกินอาหารจืดชืดเสมอไป ลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมง่ายๆ เพียงแค่

  • อ่านฉลากโภชนาการ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีปริมาณโซเดียมสูง
  • ลดการซดน้ำซุป โดยเฉพาะน้ำก๋วยเตี๋ยวหรือแกงต่างๆ เพราะโซเดียมส่วนใหญ่อยู่ในน้ำซุป
  • ลดอาหารแปรรูป พยายามทานอาหารที่ปรุงสดใหม่
  • ลดการใช้เครื่องปรุงรสที่มีโซเดียมสูง

สุขภาพดีเริ่มต้นได้จากปลายช้อน เริ่มต้นดูแลตัวเองและคนที่คุณรักตั้งแต่วันนี้ ก่อนที่ภัยเงียบจากโซเดียมจะทำร้ายร่างกายจนสายเกินแก้

เค็มทุกคำ พังทุกส่วน รวมภัยเงียบที่มาจากโซเดียม  สมอง โรคหลลอดเลือดสมอง(stroke)
หัวใจ
โรคหัวใจ (Heart Desease)
กระดูก โรคกระดูกพรุน(Osteroporosis)
กระดูก
กระเพาะอาหาร(stomach cancer)
ไต
โรคไต(Kidney Disease)

อ้างอิง : สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.), โรงพยาบาลบางปะกอก3, โรงพยาบาลพิษณุเวช, คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล

Scroll to Top